โปรเจคนี้เป็นไฟนอลโปรเจคของปี3 เทอม2 และเป็นโปรเจคที่ผมชอบมากที่สุด เพราะได้ออกแบบเกี่ยวกับสวนสัตว์ โดยสามารถใส่ตีมและความคิดได้ค่อนข้างเต็มที่ ผลงานจึงออกมาค่อนข้างน่าพอใจสำหรับผมมาก
โปรเจคนี้อาจารย์ให้รูปแบบของพื้นที่มา โดยเราต้องทำไปคิดเองต่อว่า จะตั้งไว้ที่ไหน อย่างไร ให้มีความสัมพันธ์กันกับแนวคิดและตีมที่จะนำมาเลือกใช้ ซึ่งพื้นที่ที่ผมได้เลือกมา คือ บริเวณของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่มีพื้นที่อยู่ในระหว่างจังหวัดเพชรบูรณ์กับพิษณุโลก ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีฉายาว่าเป็น สะวันน่าแห่งประเทศไทย ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับคอนเสปในใจของผม นั่นก็คือสวนสัตว์แบบแอฟริกา
ที่นี้พอได้ตัวพื้นที่แล้ว ผมก็ลองมาหาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ พบว่ามีบางส่วนที่มีป่าดิบชื้นกับทุ่งหญ้าสะวันน่าอยู่ด้วยกัน และยังมีสภาพพื้นที่ที่คล้ายาคลึงกับไซต์ตัวอย่างที่อาจารย์ให้มา ก็เลยลงล็อกพอดี ได้เป็นตีมของการ์ตูนสองเรื่อง คือ ทาร์ซาน กับไลอ้อน คิง ซึ่งในทั้งสองตีมจะถูกจัดอยู่แยกกันบนพื้นที่ที่ลงตัว และมีสภาพใกล้เคียงกับพื้นที่ของแต่ละโซน
ดังนั้น ทาร์ซานก็เลยได้ไปอยู่บนภูเขา ตามสภาพป่าดิบชื้น โดยมีคอนเสปหลักคือการสร้างความใกล้ชิดระหว่างคนกับสัตว์ตามแบบของตัวละครในเรื่อง โซนทุ่งหญ้าสะวันน่าก็เป็นของไลอ้อนคิง เป็นโซนที่ปล่อยให้สัตว์อยู่ในบริเวณกว้างๆ มีรถนั่งชม พยายามให้คนได้เห็นถึงความใกล้ชิดของสัตว์กับสัตว์
สัตว์ที่เลือกมาใช้จะเป็นสัตว์ที่พบได้ในแอฟริกาทั้งหมด และมีการแบ่งเอาสัตว์นักล่าและสัตว์กินพืชออกจากกัน ในทั้งสองโซน โดยใช้หลักการเดียวกันคือเอาสัตว์กินพืชให้เข้าถึงได้ก่อน และแบ่งสัตว์ตามลักษณะพื้นที่ที่มันอาศัยอยู่จริง เช่น สัตว์นักล่าอย่างเสือดาวอาศัยในป่าจึงอยู่ในโซนทาร์ซาน ส่วนสัตว์นักล่าอย่างเสือชีต้าร์อยู่ในทุ่งหญ้าจึงอยู่ในโซนไลอ้อน คิง
งานนี้จะมีเน้นตีมบ้างเล็กน้อยเพราะอาจารย์ประจำกลุ่มเน้นตรวจเรื่องฟังก์ชั่ันมากกว่า งานนี้เราเลยคิดวิธีดูสัตว์ได้ค่อนข้างอิสระ พยายามเอาส่วนประกอบบางอย่างในการ์ตูนเข้ามาใช้ในการช่วยเดินดูสัตว์ ทำให้ผู้เข้าชมไม่ได้เพียงแค่มาเพื่อดูสัตว์ต่างๆอย่างเดียว แต่จะได้ความสนุกสนานจากวิธีการดูสัตว์แบบใหม่ๆ ที่แตกต่างกันออกไป
มาดูในส่วนของโมเดลกันก่อนครับ เป็นโซนของสะวันน่าฝั่งสัตว์นักล่า โซนนี้ก็จะมีพื้นที่สองอย่างก็คือส่วนที่เป็นการเดินชม กับส่วนที่นั่งรถชม บรรยากาศของโซนนี้ก็จะค่อนข้างร้อน มีต้นไม้น้อยหน่อย แต่ในส่วนเดินชมจะได้ร่มเงาจากภูเขาเพราะอยู่ทางทิศเหนือ จึงทำให้ไม่ร้อนมากนัก
มุมมองจากทางเข้าโซน เราจะแห่งหน้าผาทรนงในเรื่องไลอ้อน คิงอย่างเด่นชัด เพราะตั้งใจทำให้มันโอเวอร์สเกล และบริเวณนั้นก็ยังเป็นบริเวณจัดแสดงสิงโตอีกด้วย
การเข้าชมในบริเวณนี้จะต้องโดยสารรถของสวนสัตว์เข้ามา
ซึ่งหากต้องการจะลงเดินก็จะต้องหยุดก่อนลงและขึ้นรถคันต่อไปเพื่อชมสัตว์
ต่างๆ การชมสัตว์ในพื้นที่บริเวณนี้ก็จะใช้การนั่งรถเพื่อนำชม
โดยกั้นสัตว์ในแบบคูเปียกและคูแห้ง โดยมีการลดระดับถนนบางช่วง
หรือลดระดับพื้นที่สัตว์บางชนิด เพื่อให้รับรู้ความรู้สึกที่ต่างกัน
จากมุมมองที่ต่างออกไป เช่น สิงโต เสือชีต้าร์ก็จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าถนน ทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ แต่พวกหมาไฮยีน่าที่เป็นสัตว์กินซาก เราจะอยู่สูงกว่า และกดระดับพื้นที่สัตว์ลงไป เป็นวิธีการกั้นพื้นที่อีกวิธีหนึ่งเช่นกัน
กรงที่คนจะสามารถเดินเข้าไปได้ เพื่อดูจระเข้ที่ขึ้นมาผึ่งแดดอย่างใกล้ชิด
จากส่วนของวอร์กกิ้งโซน เราก็จะสามารถเดินข้ามถนนมายังหน้าผาด้านนี้เพื่อขึ้นไปดูสิงโตขาวได้ด้วย ให้อารมณ์เหมือนเราไปยืนบนหน้าผาในเรื่องไลอ้อนคิงเลยทีเดียว นอกจากนี้อาคารเซอร์วิสก็ยังทำเป็นรูปทรงภูเขา ให้ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติไปกับพื้นที่
พื้นที่ส่วนวอร์กกิ้งโซน หลังจากลงรถมา
สัตว์ตัวแรกที่จะเห็นก็คือตัวแบดเจอร์ นักล่าขนาดเล็ก
โรงภาพยนตร์ที่ออกแบบมาเป็นโครงกระดูกช้างตามเนื้อเรื่อง เป็นไฮไลต์ของโซนนี้
จากพื้นที่บริเวณนี้สามารถมองดูเสือชีต้าร์และสิงโตได้
พื้นที่ส่วนวอร์กกิ้งโซน จะจัดแสดงสัตว์สองชนิดคือ จระเข้แอฟริกาและตัวแบดเจอร์ เพราะไฮไลต์ของพื้นที่นี้คือโรงภาพยนตร์ที่ฉายความเป็นอยู่ และวิธีการล่าเหยื่อของสัตว์ และเราก็สามารถมองเห็นสัตว์บางชนิดจากสะวันน่าโซนได้เลยที่บริเวณนี้เช่นกัน
นอกจากนี้แล้วพื้นที่บริเวณนี้ยังมีเกาะกลางน้ำ ไว้สำหรับให้นกมาอาศัยอยู่ตามธรรมชาติได้อีกด้วย โดยน้ำที่น้ำมาใช้ในพื้นที่ เป็นการดึงน้ำจากทางน้ำหลักที่ไหลจากภูเขา และขุดให้เป็นแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ เพื่อสามารถใช้น้ำนั้นในประโยชน์หลายๆอย่าง เช่นใช้เป็นพื้นที่แสดงจระเข้ และสำหรับเป็นคูน้ำกั้นสัตว์ โดยจระเข้จะไม่สามารถออกมายังบริเวณคูได้เพราะมีการใช้รั้วเหล็กป้องกันไว้อีกทางหนึ่ง
สำหรับเพลตและโซนอื่นๆจะเอามาให้ดูอีกทีนะครับ เพราะว่าลืมเอาไว้ที่หอ ^____________^
สำหรับเพลตและโซนอื่นๆจะเอามาให้ดูอีกทีนะครับ เพราะว่าลืมเอาไว้ที่หอ ^____________^